เมื่อเดือน มี.ค. 67 สหรัฐฯ กำลังพิจารณาผ่านร่างกฎหมายปิดกั้น TikTok เหตุกังวลจีนเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคลลพลเมืองอเมริกัน แต่ย้อนไปปี’63 แอปฯ TikTok หยุดให้บริการในฮ่องกง เพราะถูกบีบจากกฎหมายความมั่นคงเช่นกัน คาดเลี่ยงให้ข้อมูลผู้ใช้แพลตฟอร์มกับ จนท.รัฐ
ในเดือน มี.ค. ที่ผ่านมา สภาล่างของสหรัฐฯ ได้ผ่านร่างกฎหมาย (H.R.7521) เพื่อบีบให้เจ้าของโซเชียลมีเดีย TikTok ต้องตัดความสัมพันธ์กับบริษัทแม่สัญชาติจีน "ไบต์แดนซ์" (ByteDance) ไม่เช่นนั้นจะถูกแบนในสหรัฐฯ ซึ่งประธานาธิบดี โจ ไบเดน ก็บอกว่าเขาจะลงนามรับรองกฎหมายนี้ถ้าหากมันผ่านร่างในระดับวุฒิสภา การออกกฎหมายนี้เกิดขึ้นท่ามกลางความกังวลว่า รัฐบาลปักกิ่งจะมีอิทธิพลเหนือแอปฯ TikTok ที่ได้รับความนิยม และกลัวว่าจะใช้มันในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของชาวอเมริกันได้
ก่อนหน้านี้ ไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ ได้สั่งห้ามเจ้าหน้าที่กระทรวงติดตั้งแอปฯ TikTok โดยเด็ดขาด
TikTok เป็นโซเชียลมีเดียที่เน้นการเผยแพร่วิดีโอ รูปภาพ หรือการไลฟ์สด จากบริษัทไบต์แดนซ์ ซึ่งก่อนหน้านี้ไบต์แดนซ์เคยเปิดตัวโซเชียลรูปแบบเดียวกันมาก่อนในจีนด้วยชื่อแอพฯ ว่า Douyin ก่อนที่ต่อมาจะเปิดตัว TikTok ในฐานะโซเชียลมีเดียแบบเดียวกับ Douyin แต่เป็นเวอร์ชันนานาชาติ นั่นทำให้ในจีนมีการใช้ Douyin แต่จะไม่มี TikTok ใช้ นอกจากนี้ยังมีการแบน TikTok ในจีนแผ่นดินใหญ่ด้วย โดยที่ในฮ่องกงยังคงใช้ TikTok ได้มาจนถึงปี 2563
ทางการจีนซึ่งแบนทั้ง TikTok และโซเชียลมีเดียตะวันตกอื่นๆ ในบ้านตัวเอง ระบุถึงเรื่องที่สหรัฐฯ จะออกกฎสกัดกั้นบริษัทสัญชาติจีนจาก TikTok ว่า พวกเขา "จะใช้มาตรการที่จำเป็นในทุกทางด้วยความแน่วแน่ในการที่จะรักษาสิทธิและผลประโยชน์ที่มีความชอบธรรมของตัวเอง"
อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์การใช้กฎหมายบีบ TikTok ให้ยุติการให้บริการ ไม่ได้กำลังเกิดขึ้นแค่ในสหรัฐฯ เท่านั้น แต่เมื่อปี 2563 หลังฮ่องกงประกาศใช้กฎหมายความมั่นคง เคยทำให้ TikTok ต้องยุติการให้บริการเช่นกัน
ปัจจุบัน ใครก็ตามในฮ่องกงที่อยากเข้าชมคลิป TikTok จะต้องพบกับข้อความว่า "พวกเราเสียใจที่จะต้องบอกคุณว่า พวกเราได้ยุติการให้บริการ TikTok ในฮ่องกงแล้ว ขอบคุณที่ใช้เวลาของคุณไปกับเราบนพื้นที่แห่งนี้และให้โอกาสพวกเราในการสร้างความสุขเล็กๆ น้อยๆ ในชีวิตของคุณ"
ถ้าหากมีผู้ที่อยู่ในฮ่องกงพยายามเข้า TikTok ด้วยชื่อโดเมนในเบราเซอร์อินเทอร์เน็ต มันจะเด้งไปที่หน้าเว็บไซต์ของบริษัทแทน ทำให้ชาวฮ่องกงต้องหันไปใช้พื้นที่โซเชียลอื่นๆ อย่าง ยูทูบ หรือ อินสตาแกรม
TikTok ยุติให้บริการในฮ่องกงปี'63 หลังประกาศใช้ กม.ความมั่นคง
แถลงการณ์ยุติบริการ TikTok จากบริษัทไบต์แดนซ์ ต้องย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2563 ไม่กี่วันหลังจากที่ทางการจีนประกาศบังคับใช้กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติในฮ่องกงคือเมื่อวันที่ 1 ก.ค. 2563 แถลงการณ์ดังกล่าวระบุว่า "สืบเนื่องจากเหตุการณ์เมื่อไม่นานนี้ พวกเราตัดสินใจที่จะหยุดให้บริการแอป TikTok ในฮ่องกง" และหลายวันถัดจากนั้นก็มีการระงับการให้บริการตามมา อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ TikTok ไม่ได้ให้เหตุผลอย่างชัดเจนว่าทำไมถึงมีการถอนแอปฯ ออกจากฮ่องกง
ทั้งนี้ กฎหมายความมั่นคงฮ่องกง เมื่อปี 2560 ให้อำนาจตำรวจในการขอลบเนื้อหาออนไลน์ได้ถ้าหากว่ามันมี ‘มูลเหตุ’ ให้ต้องสงสัยว่าเนื้อหาเหล่านั้นได้ฝ่าฝืนกฎหมายความมั่นคงแห่งชาติ ตำรวจอาจจะขอให้ผู้ให้บริการพื้นที่แพลตฟอร์มนั้นๆ ส่งบันทึกการระบุตัวตนหรือความช่วยเหลือในการเข้ารหัสข้อมูลด้วย ไม่เช่นนั้นจะถูกสั่งปรับเป็นวงเงินสูงสุด 100,000 ดอลลาร์ฮ่องกง (ราว 470,000 บาท) และจำคุก 6 เดือน
เพื่อเป็นการโต้ตอบต่อกฎหมายความมั่นคงฉบับของจีน บรรษัทไอทีของตะวันตกส่วนใหญ่ระงับการปฏิบัติตามคำขอข้อมูลของทางการที่อาศัยอำนาจภายใต้กฎหมายความมั่นคงนี้ แพลตฟอร์มไอทีใหญ่ๆ ที่หยุดปฏิบัติตามคำสั่งเหล่านี้คือ กูเกิล, เฟซบุ๊ก, วอทส์แอป, ทวิตเตอร์ (ปัจจุบันคือ X), เทเลแกรม, Zoom และ LinkedIn ของไมโครซอฟต์
ในตอนนั้นโฆษกของกูเกิล กล่าวว่า "พวกเราเชื่อว่าเสรีภาพในการแสดงออกเป็นสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานและสนับสนุนสิทธิของประชาชนในการแสดงความคิดเห็นได้โดยไม่ต้องกลัวเรื่องความปลอดภัยหรือการถูกโต้ตอบอื่นๆ"
โฆษกของทวิตเตอร์ในสมัยนั้นระบุว่า พวกเขา "ใส่ใจและมีความรับผิดชอบที่จะต้องปกป้องประชาชนผู้ที่ใช้บริการของพวกเราและปกป้องเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็นของพวกเขา"
สื่อ HKFP ได้สอบถามบรรษัทโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเมตา (เจ้าของเฟสบุค), กูเกิล, X และไมโครซอฟต์ว่านโยบายการไม่ให้ความร่วมมือกับทางการฮ่องกงนั้น ขยายความไปถึงกฎหมายความมั่นคงฉบับใหม่ล่าสุดที่รัฐบาลฮ่องกงร่างขึ้นมาเองที่เรียกว่ากฎหมายมาตรา 23 ด้วยหรือไม่ ซึ่งบรรษัทโซเชียลมีเดียเหล่านี้ก็ยังไม่ได้ให้คำตอบกลับมา
ในสมัยที่มีการพยายามดันกฎหมายความมั่นคงจากจีนปี 2563 นั้น ไม่มีกระบวนการตรวจสอบทางนิติบัญญัติใดๆ ทั้งสิ้น มีกระบวนการผ่านร่างกฎหมายนี้ออกมา 1 ปีหลังจากเกิดการประท้วงใหญ่จากฝ่ายสนับสนุนประชาธิปไตยและเกิดเหตุการณ์ไม่สงบขึ้น กฎหมายดังกล่าวนี้มีบทลงโทษทางอาญาต่อ การกระทำเชิงบ่อนทำลาย, ยุยงปลุกปั่น, สมคบคิดกับต่างชาติ และการก่อการร้าย ซึ่งมีการนิยามไว้กว้างๆ ให้รวมถึงการกีดขวางการคมนาคมและโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ ด้วย
กฎหมายความมั่นคงจากฮ่องกง ฉบับปี 2563 ให้อำนาจตำรวจในการกวาดจับประชาชนหลายร้อยคนโดยอาศัยข้ออ้างกฎหมายใหม่นี้ ในขณะเดียวกันกลุ่มภาคประชาสังคมก็หดหายไป ทางการฮ่องกงอ้างว่าพวกเขาใช้กฎหมายนี้เพื่อคืนเสถียรภาพและความสงบในเมืองนี้ และปฏิเสธคำวิพากษ์วิจารณ์จากกลุ่มประเทศคู่ค้า รวมถึงจากองค์การสหประชาชาติและเอ็นจีโอกลุ่มต่างๆ ด้วย
ไบต์แดนซ์ เคยปฏิเสธเสมอมาว่า พวกเขาไม่ได้ส่งข้อมูลส่วนตัวใดๆ ของผู้ใช้งาน TikTok ให้กับทางการจีน อย่างไรก็ตาม กฎหมายความมั่นคงแห่งชาติของจีนนั้นได้กำหนดให้บริษัทจีนต้องให้ความร่วมมือกับทางการถ้าหากว่ามีการขอข้อมูลโดยทางการ
"เราไม่เคยให้ข้อมูลผู้ใช้ (TikTok) กับรัฐบาลจีน และจะไม่ทำต่อให้มีการขอข้อมูล (จากรัฐบาลจีน) เข้ามาก็ตาม" สื่ออ้างคำชี้แจงของโฆษกแอป TikTok
บริษัทไบต์แดนซ์ มีสำนักงานใหญ่ในกรุงปักกิ่งของจีน แต่ก็มีสำนักงานสาขาย่อยในยุโรปและในสหรัฐฯ ด้วย โดยมีการจดทะเบียนอย่างเป็นทางการที่หมู่เกาะเคย์แมน
มีการประเมินว่า TikTok มีผู้ใช้งานราว 1,000 ล้านคนทั่วโลก แต่ก็มีการบล็อกผู้ใช้งานในฮ่องกงผ่านวิธีการบล็อกตามเลขไอพีและซิมการ์ดของโทรศัพท์มือถือชาวฮ่องกง ผู้ใช้งานในฮ่องกงที่ต้องการใช้งาน TikTok จะยังคงสามารถทำได้ด้วยการถอดซิมการ์ดของฮ่องกงออกและใช้เครื่องมือ VPN เพื่อ 'มุด' การปิดกั้นแทน
อย่างไรก็ตาม TikTok ในเวอร์นจีนแผ่นดินใหญ่ คือ Douyin นั้นยังสามารถใช้งานได้
เรียบเรียงจาก
Explainer: Why is TikTok blocked in Hong Kong?, HKFP, 15-03-2024
https://hongkongfp.com/2024/03/15/explainer-why-is-tiktok-blocked-in-hong-kong/
ข้อมูลเพิ่มเติมจาก
https://en.wikipedia.org/wiki/TikTok
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)